กระแสมีแต่แต้มไม่มา
เคาะสูตรกันลงตัวเรียบร้อย วิธีคำนวณแต้ม ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ข้อยุติ เสียงพรรคใหญ่ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านใน กมธ.พิจารณาร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ ตบเท้าพร้อมเพรียงสนับสนุนใช้ 100 หารนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์
พรรคเล็กโคม่าโอกาสไปต่อทางการเมืองริบหรี่ จะปักธง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 เก้าอี้ ต้องมีแต้มขั้นต่ำ 350,000 คะแนน หากไม่ควบรวมพรรค ก็ต้องหนีตายไปอยู่กับพรรคใหญ่ เลี่ยงการสูญพันธุ์
ผิดกับพรรคใหญ่ยิ้มร่า สบจังหวะโกยคะแนนเป็นกอบเป็นกำที่กติกาเข้าทาง เอื้อประโยชน์พรรคต้นทุนสูง
ทีมเพื่อไทยเนื้อเต้น สูตรคำนวณ ส.ส.ใหม่เป็นใจ แง้มประตูแลนด์สไลด์กว้างขึ้น
เติมความคึกคักให้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักคนแดนไกล “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง เรียกเรตติ้งอีกทาง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนทางกลับมาครองอำนาจค่ายนายใหญ่ก็ใช่จะราบรื่น ต้องลุ้นด่านใหญ่ การลงมติร่างกฎหมายลูก วาระ 2-3 จะเกิดอภินิหารเสียงในสภา กลับลำไปใช้วิธีหารด้วย 500 หรือไม่ บล็อกกติกาใหม่ไม่ให้ไหลไปเข้าทางพรรคเพื่อไทยมากเกินไป
ตราบใดที่ร่างกฎหมายลูกยังไม่ผ่านวาระ 3 ย่อมมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ หรือแม้แต่ผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ก็ต้องลุ้นจะตกม้าตายในชั้นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
เส้นทางคัมแบ็กอำนาจพรรคเพื่อไทยต้องประลองกำลังอีกหลายยก เอาแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้าที่โหมโรงจะโค่น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ในเวทีซักฟอกยังเป็นไปได้ยาก
มโนกันไปไกล พรรคเล็กจะผนึกกำลังพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โค่นรัฐบาล
ขัดกับข้อเท็จจริงที่ฝ่ายค้านมีต้นทุน ส.ส.ในมือ 209 เสียง การจะโค่นนายกฯได้ ต้องใช้เสียงขั้นต่ำ 238 เสียง จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 476 คน ยังขาดแนวร่วมก่อการอีก 30 คน
ครั้นหวังพึ่งมือพรรคเล็กคงหมดโอกาส เพราะเหล่าพรรคจิ๋วประกาศล่วงหน้า ขออุ้ม “บิ๊กตู่” อยู่ต่อ พวกที่ไปกินข้าวกับฝ่ายค้านมีแค่ไม่กี่หัว มุ่งเล่นงานเฉพาะ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง คนเดียว ไม่แตะต้องตัวนายกฯ
เผลอๆได้กล้วยอุดปากเข้าไป ทุกอย่างจบเห่ เสียงไหลกลับมาเต็มไปหมด
ขณะที่ขั้วพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส เต็มที่ก็คงงดออกเสียงให้รัฐบาล อาจมีแค่ “ผู้กองนัส” คนเดียวที่แหกคอกไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่” ในฐานะ คู่แค้น
รัฐบาลคุมพรรคเล็กอยู่หมัด แนวโน้มฝ่ายค้านจะได้เสียงเกินครึ่งน็อก “บิ๊กตู่” กลางสภา เป็นไปไม่ได้
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็วางตัวเว้นระยะห่างพรรคเล็ก ไม่ให้ราคาใกล้ชิดมากเกินพอดี กลัวถูกพรรคปัดเศษขี่คอ
ถึงจะถูกถล่มสะบักสะบอมหนักแค่ไหนในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ “บิ๊กตู่” ยังหนังเหนียว เอาตัวรอดได้แน่
ส่วนการสร้างกระแสให้พรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล หวังให้เกิดอุบัติเหตุการเมือง ก็คงได้แค่เสี้ยม ตราบใดที่ผู้บริหาร 2 พรรค ยังการันตีปักหลักอยู่กับรัฐบาลต่อไป
แต้มสนับสนุนในสภามีพอให้หายห่วง สามารถยืนระยะอยู่ยาวถึงการประชุมเอเปก เดือน พ.ย.2565 ตามที่ผู้นำวาดหวังไว้ได้แน่ แล้วค่อยไปวัดกระแสสังคมอีกที จะไปต่อหรือพอแค่นี้
ลูกทีม “ลุงโทนี่” เร่งไม่ขึ้น ยังไม่มีพลังเพียงพอ โหมสำเร็จโทษรัฐบาล “ลุงตู่” ก่อนครบเทอม ต้องไปลุ้นเปลี่ยนเกมอีกทีตอนเลือกตั้งสมัยหน้า
แนวโน้มหืดจับแน่ เพราะต้องโม่กับคู่ปรับตัวฉกาจพรรคพลังประชารัฐ และเบียดกับพรรคก้าวไกล เพื่อนรักที่มักหักเหลี่ยมโหดกันเป็นประจำ เพราะช่วงชิงฐานมวลชนกลุ่มเดียวกัน
ลูกทีมนายใหญ่เผชิญศึกหนัก การใช้ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อโชว์เป็นจุดขาย กลายเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
แบรนด์คนตระกูล “ชินวัตร” ถึงคนรักจะมีเยอะ แต่คนชังก็มีมาก แถมยังมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกหลายพรรค คอยแชร์ส่วนแบ่งการตลาด
ถึงจะกวาดเสียง ส.ส.มาเป็นที่หนึ่ง แต่ถ้าชนะไม่ขาด โอกาสตั้งรัฐบาลคงริบหรี่
ปรากฏการณ์แลนด์สไลด์คงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ เหมือนยุคไทยรักไทยเรืองอำนาจ หรือสมัยพรรคเพื่อไทยยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หากชนะแบบเสียงปริ่มน้ำ
อาจได้เหนื่อยฟรีวืดตั้งรัฐบาลซ้ำรอยรอบที่แล้ว!!!
{fullwidth}
